google.com, pub-3034129604152953, DIRECT, f08c47fec0942fa0 Skip to main content

เทรดเดอร์ Forex จำเป็นต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่?

เริ่มต้นใช้เงินทุนเทรด Forex เท่าไหร่ดี สำหรับการประกอบอาชีพแบบจริงจัง


ถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้การเปิดบัญชีเพื่อเทรด Forex จะสามารถทำได้อย่างง่ายดายและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โบรคเกอร์แต่ละรายก็จะมี  Leverage ให้ลูกค้าของตนเองได้เลือกใช้ คนที่มีทุนน้อยก็สามารถที่เลือกใช้  Leverage สูง เช่น 1:1000 หรือ เปิดบัญชีเซ็นต์ Cent ก็สามารถที่จะทำการเทรดด้วยเงินทุนเพียง $1 ได้เลย

แต่สิ่งสำคัญที่เราต้องไม่ต้องลืมนั้นคือ จำนวนเงินทุน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของนักเทรด ซึ่งในความเป็นจริงบทบาทของเงินทุนนั้น มีความสำคัญมากแม้จะมีจำนวนเล็กน้อยแต่ก็สามารถทำกำไรได้ดี และนักเทรดที่ดีก็มักจะเป็นนักเทรดที่นำเงินทุนที่มีมาสร้างผลให้เกิดกำไรหรือหาโอกาสในการให้เงินทุนนั้นมีจำนวนมากขึ้น (หรือพูดอีกอย่างคือ ให้เงินทำงาน) แล้วนักเทรด Forex จะต้องใช้เงินทุนเท่าไหร่ที่เหมาะสมในการเทรด เพื่อการเริ่มต้นที่จะทำแบบเต็มเวลาหรือเป็นอาชีพ

ผลการดำเนินงานที่ดีสำหรับเทรดเดอร์ Forex คืออะไร?


เทรดเดอร์ทุกคนมักจะคาดฝันการร่ำรวยเป็นเศรษฐีจากการวางเดิมพันด้วยเงินเพียงน้อยนิด ความเป็นจริงของการซื้อขาย forex ก็คือ มันเป็นไปไม่ได้ ที่จะได้เงินล้านจากการเทรด TF สั้นๆจากบัญชีที่มีเงินทุนจำนวนน้อย

ก็จริงอยู่ ที่การทำกำไรแบบเก็บเล็กผสมน้อยนั้นทำได้จริง แต่สำหรับนักเทรดที่มีหน้าตักเพียงหยิบมือเดียวจะรู้สึกกดดันหรือเครียดมากหากต้องถือเงินจำนวนมากๆ หรือใช้ Leverage สูงๆ หรือกล้าที่จะเสี่ยงลง lot ใหญ่ๆเพื่อปั้นพอร์ตให้โตขึ้น

ในทางกลับกัน, ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพที่มีเงินทุนหลายล้านดอลลาร์ในการบริหารจัดการนั้น จะคาดหวังผลกำไรเพียง 10% ถึง 15% ต่อปี ซึ่งหมายความว่านักเทรดที่มีบัญชีเล็กจะคาดหวังกำไรให้มากกว่าเงินที่ตัวเองมี 2 หรือ 3 เท่าตัว หรือแม้แต่ 10 เท่าของเงินที่มีอยู่ ยิ่งเป็นไปไม่ได้

ความจริงเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการซื้อขาย Forex

สมมติว่าคิดค่าธรรมเนียม 5 ดอลลาร์ต่อเทรด แล้วนักเทรดคนหนึ่งจะทำการเทรด 10 ครั้งต่อวัน ในหนึ่งเดือนที่มี 21 วันทำการซื้อขาย ก็เท่ากับว่า 1,050 ดอลลาร์จะถูกใช้ไปกับค่าคอมมิชชั่นเพียงอย่างเดียวโดยไม่ต้องพูดถึงค่าธรรมเนียมอื่นๆ  หากนักเทรดเริ่มต้นด้วยบัญชี 50,000 ดอลลาร์ ตามตัวอย่างนี้พวกเขาจะเสียเงิน 2% ของยอดเงินดังกล่าว สำหรับค่าคอมมิชชั่นเพียงอย่างเดียว

นี่คือค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย (ขึ้นอยู่กับบัญชี) ซึ่งคุณต้องคิดเผื่อไว้ด้วย แล้วเมื่อรวมค่าอื่นๆ เช่น ค่า swap , ค่าสเปรดที่ถ่างออก หรืออะไรก็ตาม การที่เราจะทำเงินคืนจากส่วนที่หายไปนี้ ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วย

น่าเสียดายที่บัญชีเล็ก ๆ จะได้รับผลกระทบอย่างมากจากค่าคอมมิชชั่นและค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นที่ระบุไว้ในส่วนข้างต้น ในทางตรงกันข้ามบัญชีขนาดใหญ่จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญและมีข้อได้เปรียบในการรับตำแหน่งที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มผลประโยชน์จากการซื้อขาย (เพราะจะสามารถ ปรับขนาด lot size ได้ตามต้องการ)



Leverage สำหรับ Forex Trading มีความสำคัญอย่างไร?


Leverage มีทั้งประโยชน์และความเสี่ยงในระดับสูงพอๆกัน ซึ่งหากมองในแง่ของประโยชน์จะมีไม่ค่อยมากนัก นอกจากการเพิ่มโอกาสให้นักเทรดปรับ positions ได้มากขึ้นจากที่พวกเขาเคยมี และจากเงินจำนวนน้อยๆ ซึ่งในทางกลับกัน ก็สร้างความเสี่ยงที่สูงขึ้น

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดจะบ่งชี้ว่าเทรดเดอร์ไม่ควรเสี่ยงมากกว่า 1% ของเงินที่ถืออยู่ และ leverage จะส่งผลดีต่อนักเทรดที่ปฏิบัติตามกฏ 1% นี้ ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์ในการเทรดน้อยก็ตาม (เพราะเสียเงินในอัตราที่น้อย)

แต่จะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงสำหรับนักเทรดที่ไม่มีการจัดการความเสี่ยง ในเรื่องของ MM การคิด lot size หรือ กฏ 1% ตามข้างบน เพราะพวกเขาจะกดคำสั่งซื้อเข้าไปอีกเพราะเห็นว่ายังมีเงินเหลือ และต้องการได้คืน กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็ล้างพอร์ตเสียแล้ว

เทรดเดอร์ที่ฝากเงิน 1,000 ดอลลาร์ สามารถใช้ 100,000 ดอลลาร์ (1:100) ซึ่งสามารถทำกำไรหรือขาดทุนได้มากเช่นกัน และนี่คือเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงจะต้องตั้งกฏไว้ว่า ยอมเสียได้ไม่เกิน 1% ต่อการเทรดในแต่ละครั้ง

ซึ่งหมายความว่าด้วยขนาดบัญชี 1,000 ดอลลาร์ จะเสียได้ 10 ดอลลาร์ (1% ของ 1,000 ดอลลาร์) เท่านั้นที่เสี่ยงต่อการค้าแต่ละครั้ง

พิจารณาตามหลักความเป็นจริงให้ออก

สิ่งที่เราต้องการจะสื่อ ก็คือ เป็นเรื่องยาก ที่คุณจะเพิ่มเงินในบัญชีจาก 1000 เหรียญ ไปเป็น 2000 เหรียญได้อย่างรวดเร็ว แน่นอน...มันเกิดขึ้นแน่ แต่ต้องใช้เวลาในระยะยาว และต้องอยู่ภายใต้การจัดการความเสี่ยงที่ถูกต้อง

ตัวอย่างเช่น โดยมีรายได้เฉลี่ย 5 pip และ 10 เทรดต่อวัน ด้วยจำนวน micro lot จากเงิน 1000 เหรียญ จะทำเงินได้ 5 เหรียญ (หมายเหตุ: นี่เป็นประมาณการและขึ้นอยู่กับคู่ค้าสกุลเงิน) เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่มีนัยสำคัญทางด้านการเงิน แต่จะมีผลตอบแทนจากการลงทุนในบัญชี 1,000 บาทในแต่ละวันเพียง 0.5% ซึ่งเป็นอัตราที่น่าพึงพอใจ

ดังนั้นการจะลงทุน หากต้องการที่จะไปต่อโดยที่ไม่ต้องกดดันมากนัก การเริ่มเปิดบัญชีที่ 1000 เหรียญ เป็นสิ่งที่มองภาพได้ง่ายกว่า การเปิดบัญชี 100 เหรียญ ซึ่งกว่าจะโตไปถึง 1000 เหรียญนั้น คุณจะต้องอาศัยความอดทน อย่างมาก และมากที่สุด (ในกรณีที่คุณต้องการเทรดเป็นอาชีพแบบจริงจัง)

Comments

Popular posts from this blog

Deposit and Withdrawal Options: Convenient and Efficient Access to Your Funds.

 Deposit and Withdrawal Options: Convenient and Efficient Access to Your Funds. When it comes to forex trading, choosing the right broker is essential. One important factor to consider when selecting a broker is the deposit and withdrawal options that they offer. It is important to choose a broker that offers convenient and efficient access to your funds, as this can have a significant impact on your trading experience. In this chapter, we will explore the various deposit and withdrawal options available and how to choose the best options for your needs. Deposit Options. Forex brokers offer a range of options for depositing funds into your trading account . Some of the most common options include. Credit/debit cards: Many brokers accept deposits by credit or debit card, which can be a convenient option for funding your account quickly. Bank wire transfer: Some brokers allow you to transfer funds from your bank account to your trading account using a wire transfer. This can be a good op

Spreads and Fees: Finding the Most Competitive Options.

What are Spreads and Fees? In the forex market , the spread is the difference between the bid and ask prices for a currency pair. When you place a trade, you will typically be required to pay the spread as a cost of the trade. For example, if the bid price for EUR/USD is 1.2050 and the ask price is 1.2055, the spread would be 5 pips (0.0005). In addition to spreads, brokers may also charge other fees such as commissions or financing charges. These fees can vary widely from one broker to another, so it is important to compare the costs of different brokers in order to find the most competitive options. How to Compare Spreads and Fees. There are a few key things to consider when comparing the spreads and fees of different brokers. First, consider the type of account that you will be trading with. Some brokers offer different spreads and fees for different account types, such as standard accounts, premium accounts, or VIP accounts. Next, consider the currency pairs that you will be tradin

แนวรับแนวต้าน (support and resistance) มีกี่ประเภท? และมีอะไรบ้าง?

ที่มาของคำว่า แนวรับ-แนวต้าน (support and resistance) ที่มีของมันก็ไม่ยาก หากเราเปิดกราฟดูภาพรวมแล้วล่ะก็ เราก็จะเป็นว่ากราฟจะเคลื่อนไหวไปในทิศทาง ขึ้น (Up) หรือ ลง (Down) หรือ ออกด้าน (Sideway) ดังนั้นเมื่อกราฟเด้งขึ้น หรือเด้งลง นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ก็จะเรียกมันว่า แนวรับ - แนวต้าน (support and resistance) ซึ่งทางด้านการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แนวรับ- แนวต้าน (support and resistance) เหล่านี้ถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆในการนำมาวิเคราะห์ ช่วยให้นักลงทุนได้เข้าใจถึงกรอบราคาของตลาด หรือการวางแผนเข้า-ออกออเดอร์ การวางกำไรและขาดทุน นอกจากนี้ยังทำให้เราสามารถทำนายหรือมองภาพการเคลื่อนไหวในอนาคตได้อีกด้วย ประเภทของแนวรับ - แนวต้านที่สำคัญ (Types of Support and Resistance) 1. แบบดั้งเดิมคือ แบบ swing highs and lows เป็นแนวรับ - แนวต้าน แบบดั้งเดิมโดยดูที่ swing highs and lows ซึ่งสามารถมองหาได้จาก Time Frame ยาวๆ เช่น Week หรือ Monthly ด้วยการซูมกราฟให้มองเห็นภาพกว้างๆ จะทำให้เรามองเห็นภาพกรอบราคาด้านบนและด้านล่างได้อย่างง่ายดาย จากนั้นจึงทำการลากเส้น ใช้เส้นจาก TF Week เป็